บุคลคลที่ชื่นชอบอีกคน คือ มักซ์ พลังค์
เหตุผลที่ชอบ เขาเป็นผู้ที่บุกเบิกทฤษฏี ควันตัม
ประวัติ
มักซ์ คาร์ล แอร์นสต์ ลุดวิก พลังค์
เขาได้ตั้งทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่สำคัญต่อฟิสิกส์สมัยใหม่ นั่นคือ กฎการแผ่รังสีของวัตถุดำของพลังค์ รวมถึงค่าคงตัวของพลังค์
การศึกษา
เข้าศึกษาด้านฟิสิกส์ในมหาวิทยาลัยมิวนิก
ชีวิตการทำงาน
มักซ์ได้เข้าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ในตอนแรกเขาก็ยังไม่เป็นที่เด่นชัดในแวดวงวิชาการ แต่เขาก็ดำเนินการวิจัยด้านทฤษฎีความร้อน โดยมีแนวคิดเอนโทรปีของรูดอล์ฟ คลอเซียสเป็นหลักในการวิจัยในเดือนเมษายน พ.ศ. 2428 มักซ์ได้เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์ทฤษฎีในมหาวิทยาลัยคีล ต่อมาเขาก็มีผลงานในด้าน เอนโทรปีกับการประยุกต์ในเคมีฟิสิกส์ นอกเหนือจากนี้ เขายังได้เสนอหลักอุณหพลศาสตร์ที่เป็นพื้นฐาน ของทฤษฎีว่าด้วยการแตกตัวของสารอิเล็กโทรไลต์ของสฟานเต อาร์เรเนียส (Svante Arrhenius) นักเคมีชาวสวีเดน
ผลงาน
การศึกษาการแผ่รังสีของวัตถุดำ โดยใช้แนวคิดว่า พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต้องถูกปลดปล่อยในรูปของอนุภาคเล็ก ๆ เรียกว่า ควอนตา (มาจากภาษาละตินแปลว่า "เท่าไร?") มิได้ถูกปลดปล่อยเป็น"ก้อน"พลังงานใหญ่ ๆ เลย (สังเกตได้จากการเผาลวดโลหะ จะพบว่าโลหะนั้นเปล่งแสงไม่เท่ากัน และการที่เป็นเช่นนี้เองทำให้มีพลังงานไม่เท่ากันด้วย) และมีพลังงานอยู่ค่าหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความถี่ของการแผ่รังสี และหาได้จากสมการอันเลื่องชื่อ E = h f
จากผลงานนี้เองทำให้มักซ์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
ไอน์สไตน์กับทฤษฎีสัมพัทธภาพ ในปี พ.ศ. 2448 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษในนิตยสาร Annalen der Physik โดยที่ไอน์สไตน์ได้ให้ข้อสมมติฐานว่าแสงมีส่วนย่อย ๆ เรียกว่า ควอนตา (โฟตอน) โดยยึดหลักจากการค้นพบปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกของฟิลลิป เลนาร์ด ซึ่งมักซ์ก็ไม่ยอมรับในตอนแรก เพราะเขาไม่ต้องการทิ้งทฤษฎีพลศาสตร์ไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ไป ในปี พ.ศ. 2453 ไอน์สไตน์ได้ชี้พฤติกรรมที่ผิดปกติของความร้อนจำเพาะ ณ อุณหภูมิที่ต่ำมาก ๆ ซึ่งนับว่าเป็นผลการทดลองที่ท้าทายฟิสิกส์แผนเดิมเป็นอย่างยิ่ง มักซ์จึงได้จัดให้มีการประชุมโซลเวย์ครั้งที่ 1 ที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อปี พ.ศ. 2454 เพื่อไขความกระจ่างของข้อโต้แย้ง ณ ที่นี่ไอน์สไตน์ได้โน้มน้าวมักซ์ พลังค์ ได้เป็นผลสำเร็จ ในขณะเดียวกัน มักซ์ได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เป็นที่คาดกันว่าเขาน่าจะเชิญตัวไอน์สไตน์มาเป็นศาสตราจารย์ในสองปีต่อมา จนกระทั่งทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด
เกียรติประวัติ
มักซ์ พลังค์ ได้รับรางวัลและการเชิดชูเกียรติดังต่อไปนี้- "Pour le Mérite" for Science and Arts ในปี พ.ศ. 2458
- รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี พ.ศ. 2461 (มอบเมื่อ พ.ศ. 2462)
- เหรียญลอเรนตซ์ ในปี พ.ศ. 2470
- Adlerschild des Deutschen Reiches ในปี พ.ศ. 2471
- เหรียญมักซ์ พลังค์ ในปี พ.ศ. 2471 พร้อมกับอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
- ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแฟรงค์เฟิร์ต มิวนิก รอสตอก เบอร์ลิน กราซ เอเธนส์ เคมบริดจ์ ลอนดอน และกลาสโกว์
- ชื่อดาวเคราะห์น้อย 1069 ได้ถูกตั้งชื่อว่า "Stella Planckia" เมื่อปี พ.ศ. 2481
- สมาคมส่งเสริมการวิจัยวิทยาศาสตร์ของประเทศเยอรมนี ถูกตั้งชื่อว่าสมาคมมักซ์ พลังค์ เมื่อปี ค.ศ. 1948
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น