CakeBelle

CakeBelle

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บุคคลที่ชอบ ที่ไม่ใช่สายวิชาการ




นิ้วกลม


           เหตุผลที่ประทับใจ เพราะ เคยเจอพี่เขาที่งานสัปดาห์หนังสือ ณ ซุ่ม a day มองไกลๆเห็นเขาน่ารักดี และก็ได้ยินเขาประกาศว่า   ”นิ้วกลมมานะ ขอลายเซ็นได้….”  นึกในใจ ‘เป็นนักเขียนหรอ เจ๋งอ่ะ’ พอหลังจากนั้นก็ลองอ่านหนังสือที่เขาเขียน ยืมจากเพื่อนบ้าง ประทับใจหนังสือเขาอยู่เล่มหนึ่ง คือ สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา


ประวัติ


ชื่อ   สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์
ชื่อเล่น  เอ๋
นามปากกา
  
นิ้วกลม*



เกิด    15 ตุลาคม พ.ศ. 2521   โรงพยาบาลหัวเฉียว



อาชีพ    นักเขียน ครีเอทีฟโฆษณา

ชื่อนิ้วกลม เริ่มจากตอนที่เขียนเริ่มใช้อินเทอร์เน็ต ในเว็บบอร์ดคณะ ที่เขามักชอบเข้าไปตั้งกระทู้เห็นคนอื่นมีนามจอ (นามปากกาที่ใช้ในจอคอมพิวเตอร์) อย่าง “ตัวกลม” จึงเริ่มมองดูนิ้วตัวเอง แล้วตั้งนามจอว่า "นิ้วกลม" และจึงใช้นามปากกานี้มาอย่างต่อเนื่อง
นิ้วกลมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์จอห์น จากนั้นศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ในช่วงเรียนปี 5 เขากับเพื่อนอีก 7 คน ใช้ชื่อว่า “dim” ทำหนังสือทำมือไปเสนอ กระทั่งได้เขียนคอลัมน์ E=iq2 และงานเขียนต่าง ๆ ที่เป็นลักษณะของสนามทดลองสมมติฐาน เช่น การเขียนกลับหลัง การเขียนด้วยตัวพยัญชนะและรูปแบบที่ไม่คุ้นชิน หลังจากศึกษาจบเข้าฝึกงานที่ลีโอเบอร์เนตต์ บริษัททางด้านโฆษณา เข้าเรียนเพิ่มเติมการผลิตสื่อโฆษณาของสมาคมผู้กำกับศิลป์บางกอก (B.A.D. Bangkok Art Directors) ผลงานของเขาได้รับรางวัลชนะเลิศในหมู่นักเรียน B.A.D. โดยในการแข่งขันออกแบบโฆษณาสิ่งพิมพ์เพื่อรณรงค์ให้ประเทศไทยปลอดจากคอรัปชั่น โดยเขาประกวดโดยการส่งงานที่เป็นกุญแจรถบีเอ็มดับเบิลยูกับกระดาษพับที่มีข้อความว่า “สวัสดีคณะกรรมการ Junior B.A.D. Awards ทุกท่านครับ เห็นว่าพวกท่านทำงานกันหนัก อยากให้พวกท่านได้นั่งรถสบายๆ จึงส่งรถคันนี้มาเป็นของกำนัล ยังไงตอนให้คะแนนก็ช่วยพิจารณางานชิ้นนี้ของผมเป็นพิเศษหน่อยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ…ประเทศไทยในฝัน? ไม่มีคอรัปชั่น คำตอบอยู่ที่คุณ” จากนั้นเริ่มงานใหม่ที่ JWT มีผลงานสร้างสรรค์โฆษณาอย่างเช่น เบียร์เชียร์ ช็อกโกแลตคิดแคต แว่นท็อปเจริญ ฯลฯ เขายังทำของผลิตภัณฑ์เครื่องกีฬาระดับโลกอย่างอาดิดาส ที่ประเทศจีน ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง ด้านผลงานคอลัมนิสต์ เขียนให้กับนิตยสารอะเดย์ และหลังจากนั้นเริ่มมีตีพิมพ์รวมเล่ม โดยเฉพาะสารคดีท่องเที่ยวอย่าง โตเกียวไม่มีขา (2547) กัมพูชาพริบตาเดียว (2548) เนปาลประมาณสะดือ (2549) สมองไหวในฮ่องกง (2550) และ นั่งรถไฟไปตู้เย็น (2551) และยังมีเขียนนวนิยายเรื่อง นวนิยายมีมือ (2550) และรวมบทความชื่อ อิฐ (2548) (2550) และ เพลงรักประกอบชีวิต (2551) เขายังได้เขียนเพลงร่วมกับ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ในเพลง "ทฤษฎีสีชมพู"
ผลงานเขียน
  • โตเกียวไม่มีขา (2547)
  • กัมพูชาพริบตาเดียว (2548)
  • เนปาลประมาณสะดือ (2549)
  • สมองไหวในฮ่องกง (2550)
  • นั่งรถไฟไปตู้เย็น (2551)
  • อาจารย์ในร้านคุกกี้ (2552)
  • ปอกกล้วยในมหาสมุทร (2552)
  • ฝนกล้วยให้เป็นเข็ม (2553)
  • บุกคนสำคัญ (2553)
  • สิ่งที่ค้นพบระหว่างนั่งเฉยเฉย (2553)
  • สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา (2553)
ติดตามนิ้วกลมได้จาก

Week 5

ข้อ 7.
#include<stdio.h>
#include<conio.h>
main()
{
int i,a,b,d ;
char Out='Y';
do
{
printf("Enter Number : ");
scanf("%d",&a);
if (a%2==0)
{
printf("%d is even number\n",a);
}
else if (a%2!=0)
{
printf("%d is odd number\n",a);
}
printf("Do you want to continue(Y/N):" );
//scanf("%c",&Out);
Out=getche();
printf("\n");
}
while(Out=='Y');
getch();
}

บุคคลที่ชอบ ในสายวิชาการ 2

บุคลคลที่ชื่นชอบอีกคน คือ มักซ์ พลังค์
เหตุผลที่ชอบ เขาเป็นผู้ที่บุกเบิกทฤษฏี ควันตัม
ประวัติ

มักซ์ คาร์ล แอร์นสต์ ลุดวิก พลังค์
เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2401
เป็นนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ผู้บุกเบิกการศึกษาทฤษฎีควอนตัม
เขาได้ตั้งทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่สำคัญต่อฟิสิกส์สมัยใหม่ นั่นคือ กฎการแผ่รังสีของวัตถุดำของพลังค์ รวมถึงค่าคงตัวของพลังค์
การศึกษา
เข้าศึกษาด้านฟิสิกส์ในมหาวิทยาลัยมิวนิก
ต่อมาเมื่ออายุได้ 19 ปี เขาเดินทางไปกรุงเบอร์ลิน เพื่อศึกษากับนักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียง
ชีวิตการทำงาน
มักซ์ได้เข้าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ในตอนแรกเขาก็ยังไม่เป็นที่เด่นชัดในแวดวงวิชาการ แต่เขาก็ดำเนินการวิจัยด้านทฤษฎีความร้อน โดยมีแนวคิดเอนโทรปีของรูดอล์ฟ คลอเซียสเป็นหลักในการวิจัย
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2428 มักซ์ได้เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์ทฤษฎีในมหาวิทยาลัยคีล ต่อมาเขาก็มีผลงานในด้าน เอนโทรปีกับการประยุกต์ในเคมีฟิสิกส์ นอกเหนือจากนี้ เขายังได้เสนอหลักอุณหพลศาสตร์ที่เป็นพื้นฐาน ของทฤษฎีว่าด้วยการแตกตัวของสารอิเล็กโทรไลต์ของสฟานเต อาร์เรเนียส (Svante Arrhenius) นักเคมีชาวสวีเดน
ผลงาน
การศึกษาการแผ่รังสีของวัตถุดำ โดยใช้แนวคิดว่า พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต้องถูกปลดปล่อยในรูปของอนุภาคเล็ก ๆ เรียกว่า ควอนตา (มาจากภาษาละตินแปลว่า "เท่าไร?") มิได้ถูกปลดปล่อยเป็น"ก้อน"พลังงานใหญ่ ๆ เลย (สังเกตได้จากการเผาลวดโลหะ จะพบว่าโลหะนั้นเปล่งแสงไม่เท่ากัน และการที่เป็นเช่นนี้เองทำให้มีพลังงานไม่เท่ากันด้วย) และมีพลังงานอยู่ค่าหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความถี่ของการแผ่รังสี และหาได้จากสมการอันเลื่องชื่อ E = h f 
   จากผลงานนี้เองทำให้มักซ์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
ไอน์สไตน์กับทฤษฎีสัมพัทธภาพ ในปี พ.ศ. 2448 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษในนิตยสาร Annalen der Physik โดยที่ไอน์สไตน์ได้ให้ข้อสมมติฐานว่าแสงมีส่วนย่อย ๆ เรียกว่า ควอนตา (โฟตอน) โดยยึดหลักจากการค้นพบปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกของฟิลลิป เลนาร์ด ซึ่งมักซ์ก็ไม่ยอมรับในตอนแรก เพราะเขาไม่ต้องการทิ้งทฤษฎีพลศาสตร์ไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ไป   ในปี พ.ศ. 2453 ไอน์สไตน์ได้ชี้พฤติกรรมที่ผิดปกติของความร้อนจำเพาะอุณหภูมิที่ต่ำมาก ๆ ซึ่งนับว่าเป็นผลการทดลองที่ท้าทายฟิสิกส์แผนเดิมเป็นอย่างยิ่ง มักซ์จึงได้จัดให้มีการประชุมโซลเวย์ครั้งที่ 1 ที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อปี พ.ศ. 2454 เพื่อไขความกระจ่างของข้อโต้แย้ง ณ ที่นี่ไอน์สไตน์ได้โน้มน้าวมักซ์ พลังค์ ได้เป็นผลสำเร็จ ในขณะเดียวกัน มักซ์ได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เป็นที่คาดกันว่าเขาน่าจะเชิญตัวไอน์สไตน์มาเป็นศาสตราจารย์ในสองปีต่อมา จนกระทั่งทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด

เกียรติประวัติ

มักซ์ พลังค์ ได้รับรางวัลและการเชิดชูเกียรติดังต่อไปนี้

บุคคลที่ชอบ ในสายวิชาการ

บุคคลที่ชอบ ในสายวิชาการ  คือ  สตีเฟน ฮอว์คิง

เหตุผลที่ชอบ  เพราะ เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาทางด้าน ทฤษฎีทางฟิสิกส์ และจักรวาล และตนเองก็สนใจทางด้านนี้อยู่ เขาได้ศึกษาทางด้านฟิสิกส์ของหลุมดำ และเป็นคนที่บอกว่า   หลุมดำไม่ควรจะเป็นหลุมดำเสียทีเดียว แต่ควรจะแผ่รังสีอะไรออกมาบ้าง โดยเริ่มที่วัตถุจำนวนมหาศาลนับพันล้านตัน แต่มีความหนาแน่นสูง คือกินเนื้อที่ขนาดเท่าโปรตอน เขาเรียกวัตถุเหล่านี้ว่าหลุมดำจิ๋ว ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงและมวลมหาศาล แต่สุดท้ายหลุมดำนี้ก็จะระเหิดหายไป  การค้นพบนี้ทำให้ประทับใจ ในความสามารถ ถึงปัจจุบันเขาจะเป็นอัมพาต แต่เขาก็ยังเขียนหนังสือ และทำวิจัยต่อ
ประวัติ
สตีเฟน ฮอว์คิง
เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2485
เกิดที่เมืองอ๊อกซฟอร์ดไชร์ ประเทศอังกฤษ
ศึกษาสาขาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด และรับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1
หลังจากนั้นก็ได้รับการคัดเลือกเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
ผลงาน
 ในปี พ.ศ. 2513 ฮอว์คิงและเพนโรสก็ได้ร่วมกันเขียนรายงานสรุปว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ นั้นกำหนดให้เอกภพต้องเริ่มต้นในซิงกูลาริตี้ ซึ่งปัจจุบันนี้รู้จักกันว่า บิ๊กแบง และจะสิ้นสุดลงที่ หลุมดำ
 เมื่อ ปี พ.ศ. 2517 เขาได้เป็นสมาชิกที่มีอายุน้อยที่สุดของราชบัณฑิตยสถานของอังกฤษ และได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์แรงโน้มถ่วง ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในปี พ.ศ. 2520
 เป็นผู้เขียนหนังสือ  A Brief History of Time (ประวัติย่อของการเวลา )
                              The Grand Design  (ประวัติย่อของเอกภพ)
                               The Universe in a Nutshell  (จักรวาลในเปลือกนัท)
       ปัจจุบัน สตีเฟน ฮอว์คิงต้องนั่งรถไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเขาพูดและขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงขยับนิ้วและกะพริบตา แต่ก็ยังสามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้ด้วยอุปกรณ์พิเศษที่สังเคราะห์เสียงพูดได้จากตัวอักษร

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Week4

ข้อ 8 :

#include<stdio.h>
#include<conio.h>
main()
{
int i,w,sum;
sum=0;
for(i=1;i<=5;i++)
{
printf("Enter weight %d:",i);
scanf("%d",&w);
sum=sum+w;
}
printf("Summary of Weight = %d kg",sum);
getch();
}

ข้อ 9 :

#include<stdio.h>
#include<conio.h>
main()
{
int i,w,sum;
sum=0;
printf("Enter num:");
scanf("%d",&w);
for(i=1;i<=w;i++)
{

sum=sum+i;
}
printf("Summary = %d ",sum);
getch();
}


ข้อ 10 :

#include<stdio.h>
#include<conio.h>
main()
{
int i,j,r,c;
printf("row:");
scanf("%d",&r);
printf("col:");
scanf("%d",&c);
for(i=1;i<=c;i++)
{
for(j=1;j<=r;j++)
{
printf("A");

}
printf("\n");
}
getch();
}


ข้อ 11 :

#include<stdio.h>
#include<conio.h>
main()
{
int i,j,n,c;
printf("char:");
scanf("%c",&c);
printf("number:");
scanf("%d",&n);
if(n>=4&&n<=9)
{

for(i=1;i<=n;i++)
{
for(j=1;j<=n;j++)
{
printf("%c",c);

}
printf("\n");
}
}

getch();
}